อ่านเรื่องราวพบคำแนะนำเพื่อสร้างสุขภาพที่ดี พร้อมกิจกรรมและข่าวสารให้คนรักสุขภาพได้ดูแลตัวเองและคนรอบข้างอย่างถูกวิธี
กลุ่มที่ต้องระวังคือคนที่ทำงานอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ติดต่อกันนานเกิน 2 ชั่วโมง โดยไม่พักสายตา โดยจุดสังเกตก็คือ ดวงตาล้าดวงตาแห้ง รู้สึกแสบตา และดวงตาไม่สามารถสู้แสงหรือโฟกัสได้ ทั้งนี้อาจมีอาการปวดหัว คอ และบ่าร่วมด้วย
สาเหตุมาจากการใช้คอมพิวเตอร์ที่มีหน้าจอสว่างมากเกินไป การมองหน้าจอคอมพิวเตอร์ใกล้ และเป็นระยะเวลานานโดยไม่มีการพักสายตา รวมถึงการมองหน้าจอคอมพิวเตอร์ในระดับที่ไม่เหมาะสมกับระดับสายตา
การป้องกันและการรักษา คือการพักสายตาบ่อยๆ และหมั่นกะพริบตา ปรับความสว่างของแสงบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ให้เหมาะสม
มือเป็นอีกหนึ่งอวัยวะที่พนักงานออฟฟิศต้องใช้งานแทบทั้งวัน จึงทำให้เกิดโรคที่เกิดจากการใช้งานมือเป็นเวลานานเช่นกัน คือ โรคการกดทับเส้นประสาทบริเวณข้อมือ กลุ่มที่ต้องระวังคือคนที่ต้องใช้คอมพิวเตอร์ทำงาน หรือคนที่ใช้ข้อมือหนัก
โดยจุดสังเกตก็คือ อาการชา หรือปวดที่บริเวณนิ้วมือ ฝ่ามือ ลามไปถึงหัวไหล่ โดยอาการมักจะเกิดตอนที่ใช้ข้อมือหนักๆ จนทำให้กล้ามเนื้อมืออ่อนแรง ไม่สามารถกำมือได้แน่น และสาเหตุมาจากการใช้ข้อมือในท่าทางเดิมเป็นประจำ เช่น เวลาพิมพ์คีย์บอร์ด หรือตอนควบคุมเมาส์โดยข้อมือเสียดสีกับพื้นโต๊ะตลอดเวลา
การป้องกันและการรักษา ถ้าหากอาการยังไม่รุนแรง เบื้องต้นให้ลองปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้มือ หาอุปกรณ์มารองรับ ทำการประคบร้อน กดนวดบริเวณพังผืดที่กดทับเส้นประสาท หรือยืดเส้นประสา
พนักงานออฟฟิศยังนั่งทำงานเป็นระยะเวลานานจนทำให้เกิดโรคที่เกี่ยวกับคอและหลัง รวมถึงโรคหมอนรองกระดูกคอเสื่อม
ส่วนกลุ่มที่ต้องระวัง คือคนที่ต้องนั่งทำงานเป็นระยะเวลานาน หรือคนที่มีพฤติกรรมชอบบิดคอ หมุนคอ จุดสังเกต มักเป็นการปวดบริเวณคอ ไหล่ และบ่า บางครั้งอาจมีอาการปวดร่วมกันจนทำให้อาการหนักขึ้น คือลามไปกดทับเส้นประสาท ทำให้อาการปวดลามไปถึงแขน เริ่มมีอาการชา กล้ามเนื้ออ่อนแรง และหากไปกดทับหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงสมองจะทำให้รู้สึกปวดหัว ปวดกระบอกตา รู้สึกบ้านหมุน
สาเหตุของโรคเกิดจากพฤติกรรมการใช้คอ และกล้ามเนื้อแผ่นหลังที่ผิดลักษณะ เช่น การบิดคอ การนั่งก้มหน้าทำงานเป็นระยะเวลานานโดยไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ การป้องกัน และการรักษาทำได้ คือหากต้องนั่งทำงานเป็นระยะเวลานานให้ลองปรับเปลี่ยนพฤติกรรมโดยหมั่นยืดกล้ามเนื้อบ่อยๆ
นอกจากความเจ็บป่วยทางร่างกายก็ยังมีความเครียดและภาวะกดดันจากการทำงาน จนทำให้เกิดโรคที่เกี่ยวข้องกับภาวะจิตใจและสมอง เช่น โรคสมาธิสั้นจากการทำงาน โดยกลุ่มที่ต้องระวังก็คือ มนุษย์ออฟฟิศทุกคน
จุดสังเกตคือ การไม่สามารถจดจ่อกับอะไรบางอย่างได้นาน ความอดทนต่ำ ความสามารถในการคิดวิเคราะห์ แก้ไขปัญหา ความคิดสร้างสรรค์ การแบ่งเวลา และจัดลำดับความสำคัญต่อสิ่งต่างๆ ลดลง รวมถึงมีอาการเครียด กังวล และคิดถึงปัญหาอยู่ตลอดเวลาโดยไม่แสดงออก
ขณะที่สาเหตุนั้นมาจาก สภาพแวดล้อมในการทำงานที่บีบคั้นและวุ่นวาย ต้องรับผิดชอบ และทำงานหลายอย่างพร้อมกับในเวลาเดียว วิธีป้องกันและการรักษาทำได้ง่ายๆ คือการพักผ่อน หรือเปลี่ยนอิริยาบถหากรู้สึกว่าทำงานติดต่อกันเป็นระยะเวลานานและควรมีปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้าง รวมถึงพยายามจัดลำดับความสำคัญ แบ่งเวลาให้กับการทำงานอย่างเหมาะสม
ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ