อ่านเรื่องราวพบคำแนะนำเพื่อสร้างสุขภาพที่ดี พร้อมกิจกรรมและข่าวสารให้คนรักสุขภาพได้ดูแลตัวเองและคนรอบข้างอย่างถูกวิธี
เป็นยาที่สังเคราะห์ขึ้นจากฮอร์โมนชนิดหนึ่งในร่างกาย มีหลายประเภท เช่น เดกซ์ซาเมทาโซน เพร็ดนิโซโลน เป็นต้น
ยาออกฤทธิ์ลดการอักเสบ และกดภูมิต้านทาน โดยมีผลต่อหลายระบบในร่างกาย จึงถูกนำมาใช้รักษาอาการอักเสบในโรคต่างๆ อย่างแพร่หลาย ซึ่งรูปแบบการบริหารยามีทั้งในรูปยากิ ยาฉีด ยาพ่น ยาหยอดและยาป้าย
ในทางจักษุวิทยา นิยมใช้ยากลุ่มสเตียรอยด์ในการรักษาการอักเสบในช่องหน้าลูกตา เยื่อบุตาหรือกระจกตาอักเสบบางประเภท รวมทั้งการอักเสบหลังการผ่าตัด เป็นต้น
ยากลุ่มนี้มีข้อดีที่ลดการอักเสบได้ในหลายโรค โดยเฉพาะการอักเสบหรืออาการภูมิแพ้ชนิดที่เป็นรุนแรง อย่างไรก็ตาม การใช้ยาต่อเนื่องเป็นระยะเวลานานอาจทำให้มีผลข้างเคียงได้หลายประการ
“ดวงตา” กับผลข้างเคียงจากสเตียรอยด์
1.ต้อหิน
ยากลุ่มสเตียรอยด์โดยเฉพาะในรูปยาหยอด หากหยอดต่อเนื่องเป็นเวลา 2 สัปดาห์ขึ้นไป อาจทำให้มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของการระบายน้ำหล่อเลี้ยงในลูกตา ทำให้ความดันลูกตาสูงขึ้น และทำลายขั้วประสาทตา เกิดต้อหินจากการใช้ยาได้
การรักษาในระยะแรก ควรรีบหยุดยาสเตียรอยด์ถ้าไม่มีข้อบ่งชี้ในการใช้ยาแล้ว ภายหลังหยุดยาความดันลูกตาอาจลดลงจนปกติได้ แต่ถ้าต้อหินเป็นระยะรุนแรงแล้ว แม้หยุดยา
ความดันลูกตาอาจไม่ลดลง อาจพิจารณาให้ยาลดความดันลูกตา เพื่อชะลอการสูญเสียสายตาและตรวจติดตามการรักษาอย่างต่อเนื่อง
2.ต้อกระจก
เกิดได้ทั้งในรูปยาหลอด และยากิน ยาจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเมตาบอลิซึมของเลนส์ตา ทำให้เลนส์ตาขุ่นขึ้น และเป็นต้อกระจกบางชนิดได้
ผู้ป่วยจะมีอาการตามัวโดยค่อยๆ มัวคล้ายหมอกฝ้าบัง และเมื่อเป็นแล้วการหยุดยาสเตียรอยด์มักไม่ทำให้เลนส์ตากลับมาใสเป็นปกติได้
ถ้าต้อกระจกเป็นมากขึ้น อาจต้องพิจารณาโดยการผ่าตัดต้อกระจก
3.การติดเชื้อของตา
ยาออกฤทธิ์ลดการอักเสบ แต่ขณะเดียวกันก็มีฤทธิ์ลดภูมิต้านทานของร่างกาย ทำให้เพิ่มโอกาสเกิดการติดเชื้อบางอย่าง เช่น แบคทีเรีย ไวรัส ของลูกตาได้ โดยเฉพาะการติดเชื้อกลุ่มไวรัสเริม เป็นต้น
4.ผิวหนังเปลือกตาบางตัวลง
มักเป็นผลข้างเคียงเฉพาะที่ จากยาหยอดหรือยาป้ายตา ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของเนื้อเยื่อและเซลล์เม็ดสีที่บริเวณดังกล่าวบางตัวและสีดูจางลง
5.ผลข้างเคียงอื่นที่พบได้ เช่น หนังตาตก รูม่านตาขยายโตขึ้น
มักพบในรูปยาหยอด สาเหตุไม่ทราบชัดเจน เชื่อว่ายาสเตียรอยด์ไปมีผลต่อเส้นประสาทที่มาเลี้ยงกล้ามเนื้อยกเปลือกตา และกล้ามเนื้อหดรูม่านตาให้ทำงานลดลง จึงมีหนังตาตกและรูม่านตาขยายโตขึ้นได้
ใช้ยาสเตียรอยด์อย่างปลอดภัย ทำอย่างไร
1.เมื่อมีอาการผิดปกติทางตา เช่น อาการตาแดง คันเคืองตา ควรไปพบจักษุแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยว่า มีความจำเป็นต้องใช้ยากลุ่มสเตียรอยด์ก่อน ไม่ควรซื้อยาหลอดที่มีส่วนประกอบของสเตียรอยด์มาใช้
2.ผู้ป่วยที่มีความจำเป็นต้องได้รับยาหยอดกลุ่มสเตียรอยด์ต่อเนื่องเป็นเวลานาน ควรมาตรวจ ติดตามพบจักษุแพทย์อย่างสม่ำเสมอเพื่อปรับความถี่ของยา ขนาดยา และระยะเวลาการใช้ยาที่เหมาะสม
3.หากผู้ป่วยมีอาการผิดปกติ เช่น ปวดตัว ตามัว หรือหยอดยาแล้วอาการไม่ดีขึ้น ควรรีบกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด เพื่อเฝ้าระวังผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
จะเห็นได้ว่ายากลุ่มสเตียรอยด์ ถ้าใช้ไม่ถูกวิธีก็อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพตาของเราได้ จึงควรใช้ภายใต้การดูแลของจักษุแพทย์เพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายที่เกิดจากการใช้ยาที่ไม่เหมาะสมได้ เพื่อการมีสุขภาพตาที่ดี
ขอขอบคุณข้อมูลจาก หมอชาวบ้าน