อ่านเรื่องราวพบคำแนะนำเพื่อสร้างสุขภาพที่ดี พร้อมกิจกรรมและข่าวสารให้คนรักสุขภาพได้ดูแลตัวเองและคนรอบข้างอย่างถูกวิธี
อาจารย์นายแพทย์ชัยวัฒน์ ประดิษฐ์ทองงาม ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบทางเดินอาหาร ศูนย์ศรีพัฒน์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวไว้ดังนี้
1. การรักษาระดับน้ำตาลและไขมันในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
(ระดับน้ำตาลในเลือดควรน้อยกว่า120 มิลลิกรัม /มิลลิลิตร และระดับไขมันไตรกลีเซอไรด์ควรน้อยกว่า 160 มิลลิกรัม /มิลลิลิตร)
2. การลดน้ำหนัก
เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องทำ และได้ประโยชน์ต่อสุขภาพมากที่สุด ซึ่งควรลดน้ำหนักด้วยการคุมปริมาณและคุณภาพอาหาร กล่าวคือ หลีกเลี่ยงการกินอาหารที่มีไขมันสูง เช่น นม เนย กะทิอาหารทะเล ไข่แดง ไม่กินอาหารที่มีแป้ง และน้ำตาลมากเกินไป นอกจากนี้ควรลดปริมาณอาหารลงด้วย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในมื้อเย็นไม่ควรลดน้ำหนักด้วยวิธีการงดอาหาร และไม่ควรลดน้ำหนักให้ลงเร็วเกินไป แนะนำให้ลดน้ำหนักลงเดือนละประมาณ 1 – 2 กิโลกรัม เพราะการลดน้ำหนักลงอย่างรวดเร็วด้วยการงดอาหารอาจทำให้ตับอักเสบอย่างรุนแรงได้
การลดน้ำหนักควรลดอย่างน้อยร้อยละ 15 จากน้ำหนักเริ่มต้นหรือจนน้ำหนักอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน
3. กินแบบสไตล์ชีวจิต
คือ อาหารทุกอย่างควรลดเครื่องปรุง เปรี้ยวหวาน มัน เค็ม เผ็ด เสร็จแล้วใช้สาหร่ายทะเลชนิดแผ่นโนริหรือคอมบุก็ได้ ฉีกเป็นฝอยเล็กๆ สั้นๆ แยกไว้ ต่อจากนั้นคั่วเกลือกับงาพอหอม ใส่ครกขยี้เบาๆ ให้เกลือกับงาคลุกเคล้ากัน แล้วผสมกับสาหร่ายทะเลที่ฉีกไว้แล้ว เก็บใส่ขวดไว้ เวลากิน นำสาหร่ายในขวดมาโรยบน อาหารทุกอย่างแทนการปรุงรสแบบเก่า จะทำให้อาหารอร่อย แถมสาหร่ายนี่กินมากเท่าไรก็ไม่ทำให้อ้วน
4. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง ครั้งละไม่ต่ำกว่า 45 นาที
5. หลีกเลี่ยงการดื่มสุรา
6. ตรวจเลือดเป็นประจำ อย่างน้อยปีละครั้งเมื่ออายุเกิน 35 ปี
แค่มีไลฟ์สไตล์ที่ดี กิน นอนออกกำลังกาย และทำจิตใจให้ผ่องใส ปัญหาไขมันพอกตับจะไม่มาทำร้ายเราอย่างแน่นอน
ที่มา : ชีวจิต