อ่านเรื่องราวพบคำแนะนำเพื่อสร้างสุขภาพที่ดี พร้อมกิจกรรมและข่าวสารให้คนรักสุขภาพได้ดูแลตัวเองและคนรอบข้างอย่างถูกวิธี
ซึ่งเป็นเมืองอพยพของชาวดัตช์ ที่มาตั้งรกรากในอเมริกา จนปัจจุบันขึ้นแท่นเป็นขนมสุดฮิตในอเมริกา
โดนัทมีเนื้อคล้ายขนมเค้ก มีลักษณะกลม มีรูตรงกลางคล้ายห่วงยาง มีหลายรสชาติ ถ้าเป็นแบบไทยๆ จะมีน้ำตาลอยู่ที่ผิวขนม โดนัทแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท คือ
โดนัทยีสต์และโดนัทเค้ก กระบวนการผลิตโดนัทยีสต์ จะใช้ยีสต์เป็นส่วนประกอบในการหมักแป้งให้ขึ้นฟู
ส่วนโดนัทเค้กจะใช้ผงฟูในการหมักแป้งให้ขึ้นฟูแล้วจึงนำไปทอด ฉะนั้นรสชาติและเนื้อสัมผัสจะต่างกัน ทว่า กระบวนการทอดนี่แหละที่ทำให้โดนัทมีอันตรายที่ไม่ได้รับเชิญ เช่น กรดไขมันทรานส์ ได้
ไขมันชนิดนี้จะปะปนอยู่ในน้ำมันผ่านกรรมวิธี หรือน้ำมันที่ถูกเติมด้วยไฮโดรเจน (Hydrogenated) ที่เมื่อนำมาใช้ทอดอาหารจะทำให้อาหารกรอบอร่อย
ที่สำคัญใช้ทอดอาหารได้หลายครั้งโดยไม่เหม็นหืน ฉะนั้น หากนำน้ำมันชนิดนี้มาใช้ทอดโดนัท ก็อาจทำให้มีกรดไขมันทรานส์ปะปนอยู่ในโดนัทได้
อันตรายของกรดไขมันทรานส์ คือ มันจะไปทำให้ระดับของ LDL หรือคอเลสเทอรอลชนิดเลวในร่างกายเพิ่มขึ้น และยังไปลดปริมาณ HDL หรือคอเลสเทอรอลชนิดดี
ทำให้เพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจ สำหรับต่างประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา ออกประกาศให้อาหารที่จำหน่ายในประเทศ ต้องระบุปริมาณกรดไขมันทรานส์บนฉลากโภชนาการ
โดยกำหนดให้มีปริมาณกรดไขมันทรานส์ต้องน้อยกว่า 0.5 กรัมต่อหน่วยบริโภค ส่วนแคนาดา สหภาพยุโรป ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ก็มีการออกกฎให้ระบุปริมาณของกรดไขมันทรานส์บนฉลากเช่นกัน
วันนี้ สถาบันอาหาร ได้สุ่มตัวอย่าง ขนมโดนัท จำนวน 5 ตัวอย่าง จาก 5 ร้านค้าในเขตกรุงเทพฯ เพื่อนำมาวิเคราะห์ปริมาณกรดไขมันทรานส์ ผลวิเคราะห์พบว่า
ในโดนัทหนัก 100 กรัม (1 ขีด) นั้น มีปริมาณไขมันทรานส์อยู่ในช่วง 0.13–4.46 กรัม
เห็นกันอย่างนี้แล้วขอแนะว่า ควรเลี่ยงการทานในปริมาณเยอะๆภายในครั้งเดียว หรือทานติดต่อกันหลายมื้อ เป็นเวลานานๆ เพื่อความปลอดภัยจากความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจ
ที่มา : เว็บไซต์ไทยรัฐ