Loading...

HEALTH CORNER

อ่านเรื่องราวพบคำแนะนำเพื่อสร้างสุขภาพที่ดี พร้อมกิจกรรมและข่าวสารให้คนรักสุขภาพได้ดูแลตัวเองและคนรอบข้างอย่างถูกวิธี

สร้างภูมิคุ้มกัน รับมือหน้าฝนกันเถอะ

เปลี่ยนแปลงบ่อยแบบนี้ ร่างกายปรับตัวรับมือไม่ทันทำให้เจ็บป่วยกันได้ง่ายๆ ใครที่มีภูมิคุ้มกันดี ร่างกายแข็งแรงก็อาจจะไม่เจ็บป่วยได้ง่ายๆ

 

แต่ถ้าใครภูมิ คุ้มกันในร่างกายไม่ดีอยู่แล้ว โดยเฉพาะคนที่เป็นโรคภูมิแพ้ต่างๆ ทั้งหวัด ผื่นคัน อาหารเป็นพิษ ก็มีโอกาสที่จะเป็นเพิ่มขึ้น อีกทั้งเชื้อโรคไวรัส และแบคทีเรียยังเจริญเติบโตได้ดีในสภาวะร้อนชื้นเช่นนี

 

จึงทำให้ เสี่ยงต่อการเป็นโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ โรคเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหารได้ง่ายอีกด้วย

 

รินทร์ธนัน จิตต์จงธรรม แพทย์แผนไทย กล่าวว่า ภูมิคุ้มกันในร่างกาย เหมือนเป็นทหารที่คอยปกป้องเราจากศัตรูที่ลุกลามเข้ามา เช่น แบคทีเรีย ไวรัส เพราะการที่คนเราจะติดเชื้อ หรือเป็นโรค ขึ้นอยู่กับภูมิคุ้มกัน และความต้านทานต่อโรคของร่างกายขณะนั้น 

 

ซึ่งภูมิคุ้มกันนี้บางคนมีมาแต่กำเนิดโดยได้จากแม่ แต่บางคนไม่มีก็ต้องมาสร้างใหม่จากการฉีดวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันโรคนั้นๆขึ้นมา หรือเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน โดยวิธีการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม

 

ด้วยการเลือกรับประทานอาหารที่ดีถูกสุขอนามัยมีประโยชน์ต่อร่างกาย การออกกำลังกาย การพักผ่อน และการอยู่ในที่ที่อากาศบริสุทธิ์

 

คนที่มีภูมิคุ้มกันที่ดี จะมีสุขภาพดี แข็งแรง ไม่ว่าฝนจะตกแดดจะออก หรือวันใดวันหนึ่งมีทั้ง 3 ฤดูกาลร้อน ฝน หนาว ก็ยังไม่เป็นหวัด หรือติดเชื้อแบบคนอื่นๆ และไม่มีอาการแพ้อากาศ ในขณะเดียวกันหากเรา

 

เป็นคนที่มีภูมิคุ้มกันไม่ดี หรือภูมิคุ้มกันบกพร่อง ร่างกายก็จะรับเชื้อโรคได้ง่าย หากเป็นหวัดก็จะเป็นนาน ร่างกายทรุดโทรม อ่อนแรง บางคนก็มีอาการทางผิวหนัง มีอาการเป็นผื่น คันตามตัว แขน ขา 

 

ซึ่งความเป็นจริงเราไม่สามารถหลีกเลี่ยงกับอากาศที่เปลี่ยนแปลงได้ เราจึงต้องเตรียมความพร้อมให้กับตนเองเพื่อรับมือกับหน้าฝน ด้วยวิธีการง่ายๆ คือ

 

1. การดูแลเรื่องความสะอาด ในฤดูฝนมักมีอากาศที่ร้อนชื้น เมื่อฝนหยุดตก อุณหภูมิจะลดลงเป็นอากาศเย็นทำให้ร่างกายปรับตัวไม่ทัน บ่อยครั้งในอากาศร้อนชื้นหน้าฝน คนมักจะเป็นโรคเกี่ยวกับช่อ

 

ท้องจำนวนมาก เช่น อาการท้องร่วง อาหารเป็นพิษ จึงควรรับประทานอาหารที่สะอาด สด ใหม่ หรือถ้าหลีกเลี่ยงที่จะซื้ออาหารสำเร็จรูปที่ประกอบเสร็จแล้วไม่ได้ ก็ควรเลือกร้านค้าที่มีสถานประกอบการที่สะอาด ถูกหลักอนามัย

 

2. โรคหวัดพบได้บ่อยในช่วงฤดูฝน จึงควรสร้างความอบอุ่นให้แก่ร่างกายอยู่เสมอ ถ้าเปียกฝนก็ควรรีบทำความสะอาดร่างกายตั้งแต่ศีรษะโดยการสระผม เมื่อสระผมเสร็จแล้วควรเช็ดผมให้แห้งเพื่อ

 

ป้องกันการเกิดเชื้อราที่หนังศีรษะ พร้อมชำระร่างกายให้สะอาด เช็ดตัวให้แห้ง จากนั้นก็เปลี่ยนใส่เสื้อผ้าที่อบอุ่น ดื่มน้ำอุ่นปรับอุณหภูมิร่างกาย อยู่ในที่อบอุ่นไม่เย็นจนเกินไป

 

3. เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายที่ให้วิตามินซี เพื่อป้องกันหวัดและภูมิแพ้ เช่น ผักใบเขียว ให้สารอาหารที่มีวิตามิน โปรตีน และผลไม้นานาชนิดที่ไม่มีรสหวานมาก

 

และมีความเป็นแป้ง ในตัว เช่น มะม่วงสุก เพราะเราต้องการกากใยช่วยเรื่องการขับถ่าย ระบายได้ง่ายท้องไม่ผูก เพราะการขับถ่ายเป็นการขับเชื้อโรคช่องทางหนึ่งของร่างกาย

 

4. การออกกำลังกายก็ถือเป็นสิ่งสำคัญ ในหน้าฝนควรเปลี่ยนที่ออกกำลังกายมาเป็นในร่ม และควรเป็นสถานที่ ที่มีอากาศถ่ายเทได้ดี ช่วงเวลาที่ดีในการออกกำลังกาย คือ ช่วงเช้า

 

เพราะร่างกายเพิ่ง ผ่านการพักผ่อนมา และในยามเช้าอากาศก็ดีไม่ร้อน เมื่อออกกำลังกายจะทำให้สดชื่น ระบบการเผาผลาญไม่ทำงานหนัก

 

5. การดื่มน้ำ ในหน้าฝนอากาศเย็น น้ำจำเป็นมากต่อร่างกาย สมองคนเราต้องการน้ำ 75% และร่างกายมีน้ำ 3 ใน 4 ของร่างกาย หากเรางดการดื่มน้ำ ร่างกายจะขาดน้ำ ดังนั้นเราควรดื่มน้ำให้เพียงพอ ต่อร่างกาย

 

สังเกตง่ายๆว่าร่างกายขาดน้ำจะส่งผลให้ลิ้นแห้ง ริมฝีปากแห้ง การดื่มน้ำที่ดีไม่ใช่การดื่มน้ำครั้งละมากๆ หรือหมดแก้ว แต่การดื่มน้ำที่ดีคือ การดื่มเรื่อยๆ ดื่มบ่อยๆ เพื่อให้ร่างกายไม่ขาดน้ำ

 

6. การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอต่อร่างกาย ควรนอนอย่างน้อยวันละ 6 – 7 ชั่วโมง เพราะร่างกายต้องการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ จึงไม่ควรนอนดึกซึ่งจะส่งผลให้ภูมิคุ้มกันลดลง

 

7. การดูแลรักษาเท้า โรคที่มากับหน้าฝน โรคเชื้อราที่เล็บเท้า โรคน้ำกัดเท้า เพราะน้ำที่กักขังไม่ระบายออกตามท่อระบายน้ำ ผสมกับฝุ่น และเศษขยะ ทำให้เกิดเชื้อโรค เราควรทำความสะอาดเท้าโดยกา

 

ล้างเท้าก่อนทุกครั้ง แล้วเช็ดเท้าให้แห้ง และสมุนไพรที่อยู่ในครัวเรือนที่เราสามารถนำมาป้องกันเชื้อแบคทีเรีย หรือเชื้อราที่เท้าได้ เช่น ใบมะกรูด นำมาฉีกเป็นใบ ตะไคร้ บุแล้วหั่นเป็นท่อน ขิง นำมาบุพอแตก นำทั้ง 3 อย่างนี้ต้มกับน้ำ 1 ลิตร ให้เดือด 10 นาที

 

จากนั้นนำมาผสมน้ำธรรมดาให้อุ่นๆ แช่เท้าสัก 10 นาที นอกจากช่วยป้องกันการเกิดเชื้อแบคทีเรีย ยังช่วยผ่อนคลายความเมื่อยล้าได้อีกด้วย

 

8. สิ่งสำคัญที่ควรปฏิบัติอย่างเคร่งครัด คือ เราต้องสร้างนิสัยที่ดีในเรื่องของการรับประทานอาหารประกอบร้อน และสุก รวมถึงการใช้ช้อนกลางตักอาหารด้วย

 

 

ที่มา : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์