Loading...

HEALTH CORNER

อ่านเรื่องราวพบคำแนะนำเพื่อสร้างสุขภาพที่ดี พร้อมกิจกรรมและข่าวสารให้คนรักสุขภาพได้ดูแลตัวเองและคนรอบข้างอย่างถูกวิธี

รู้ทันอาการกระดูกสันหลังคด

สาเหตุที่ทำให้เกิดกระดูกสันหลังคด 80 % ของผู้ป่วยไม่พบสาเหตุ มีเพียงส่วนน้อยที่ทราบ เช่น กระดูกสันหลังคดจากขาที่ยาวไม่เท่ากัน

 

กระดูกสันหลังคดจากสมองพิการ หรือเกิดจากความผิดปกติแต่กำเนิด เป็นต้น 

 

จากสถิติของผู้ป่วยพบได้เท่ากันในเพศชาย และเพศหญิง แต่เพศหญิงมักจะมีการคดงอของกระดูกมากกว่าเพศชาย และพบว่าผู้ป่วยช่วงอายุ 10-15 ปี 10 %

 

ได้รับการถ่ายทอดมาจากกรรมพันธุ์ กระดูกคดเกิดจากภาวะกระดูกสันหลังโค้งงอไปทางด้านซ้าย หรือด้านขวาจนผิดปกติ

 

ซึ่งโดยทั่วไปแล้วกระดูกสันหลังของคนเราจะโค้งงอไปด้านหน้า และหลังในระดับที่สมดุลกับร่างกาย 

 

เมื่อมองจากด้านข้างจะเป็นรูปตัว S แต่ถ้ามองจากด้านหลังจะเป็นแนวเส้นตรง แต่ผู้ป่วยที่มีอาการกระดูกสันหลังคดนั้น กระดูกสันหลังจะบิด

 

หรือผิดรูปออกทางด้านข้าง การที่กระดูกสันหลังโค้งไปข้างใดข้างหนึ่ง ทำให้สะโพก เอว และไหล่ของผู้ป่วยไม่เท่ากั

 

สำหรับอาการของผู้ป่วย คือ มีแนวกระดูกสันหลังไม่ตรง ระดับหัวไหล่ 2 ข้างไม่เท่ากัน ทำให้เกิดอาการปวดบริเวณ หลังเอว คอ เรื้อรัง

 

เนื่องจากกล้ามเนื้อในแต่ละส่วนแบกรับน้ำหนักไม่เท่ากัน รวมทั้งมีอาการเหนื่อยง่าย เนื่องจากกระดูกหน้าอกไปกดทับปอดมากกว่าปกติ 

 

ในกรณีที่มีความคดของกระดูกเล็กน้อย แพทย์จะนัดตรวจเพื่อติดตามอาการสม่ำเสมอ และให้ผู้ป่วยใส่เสื้อเกราะให้รัด กระชับ

 

เพื่อดัดกระดูกสันหลัง ป้องกันไม่ให้กระดูกสันหลังคดมากขึ้น โดยใส่ประมาณ 23 ชั่วโมงต่อวัน 

 

 

การใส่เสื้อเกราะจะต้องใส่จนกว่าผู้ป่วยหยุดการเจริญเติบโต และค่อยๆ ลดจำนวนชั่วโมงที่ใส่ลงจนแน่ใจว่า กระดูกสันหลังไม่คดมากขึ้นจึงสามารถหยุดใส่ได้ 

 

ส่วนการรักษาด้วยการผ่าตัด จะใช้ในกรณีที่ผู้ป่วยมีกระดูกคดมากกว่า 45 องศา โดยการใช้โลหะดามกระดูกสันหลังให้ตรงขึ้น และเชื่อมข้อกระดูกสันหลังให้ติดแข็งในแนวที่จัดไว้

 

ซึ่งหลังผ่าตัดควรงดกิจกรรมที่เคลื่อนไหวด้วยกระดูกสันหลังประมาณ 6-9 เดือน เช่น การก้ม บิดตัว แล้วจึงออกกำลังกายที่ไม่เสี่ยงต่อการบาดเจ็บ

 

อธิบดีกรมการแพทย์กล่าวว่า การสำรวจตนเองง่ายๆ ว่ามีอาการกระดูกสันหลังคดหรือไม่ โดยให้สังเกตความสูงของระดับหัวไหล่ ความนูนของกระดูกสะบัก

 

และระดับแนวกระดูกสะโพกของร่างกาย ซึ่งมักจะมีระดับสูง-ต่ำไม่เท่ากัน

 

หรือทดสอบโดยการยืนให้เท้าชิดกัน และให้ก้มไปด้านหน้า ใช้มือทั้ง 2 ข้างแตะให้ถึงพื้น จะเห็นความนูนของหลังไม่เท่ากัน

 

ซึ่งหากมีอาการผิดปกติดังกล่าวให้พบแพทย์เพราะหากผู้ป่วยได้รับการรักษาที่ถูกต้องจะช่วยให้กลับมาใกล้เคียงภาวะปกติได้

 

 

ที่มา : เว็บไซต์กระทรวงสาธารณสุข